วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2562

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2

ทริปนี้เที่ยวไหนบ้าง คลิกลิงค์ดูได้เลย >>>
ปราสาทบายน  / ปรางค์ปราสาทบายน  / ปราสาทปาปวน  / ปราสาทพิมานอากาศ  / สระน้ำหลวง  / ลานช้าง  /
ลานพระเจ้าขี้เรื้อน  / ปราสาทพระป่าเลไลย์  / ประตูเมืองนครธมทางด้านทิศใต้ 

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ปราสาทบายน

และ ณ บัดนาว เราก็ยังคงอยู่ในวันที่สองของทริปนี้ แห่ะๆ 
ด้วยความที่วันนี้มีสถานที่ตามแผนมากมาย เราจึงแบ่งออกเป็นสามบล็อก ตามนี้

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.1
ปราสาทนครวัด ปราสาทปักษีจำกรง

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.3
ปราสาทวัดป่าไลเลย์ ปราสาทตาเขียว ปราสาทตาพรหม

โดยในวันแรกเราได้ไปที่อื่นๆและปราสาทพนมบาเค็ง >>> เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D1

อันนี้เป็นแผนท่องเที่ยวและคชจ. >>> เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์เตรียมตัวอย่างไร


แผนท่องเที่ยวของD2.2 จะเขียนไว้ด้านบนสุด สามารถคลิกเพื่อเลื่อนลงไปดูตามจุดที่สนใจได้

พร้อมแล้ว งั้นไปเที่ยวกันเลย >>>

หลังจากรอชมอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดแล้ว เราได้นั่งตุ๊กๆต่อไปที่ปราสาทปักษีจำกรง จากนั้นจึงเดินทางมาที่นครธม 

นครธม (Angkor Thom) มีความหมายว่าเมืองใหญ่ (ธม แปลว่า ใหญ่) เมืองพระนครหลวงมีพระราชวังและปราสาทต่างๆมากมาย และเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรขอมมั่งคั่งและรุ่งโรจน์เป็นที่สุด
เป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรขะแมร์ สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของ นครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรกๆ และที่สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และรัชทายาท ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักของพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่า ปราสาทบายน และมีพื้นที่สำคัญอื่นๆ รายล้อมพื้นที่ชัยภูมิถัดไปทางเหนือ

การได้นั่งตุ๊กๆชมเมืองนี่สนุกมาก ได้ฟังเสียงความวุ่นวายของถนนในเมือง นั่งมองผู้คนตามรายทาง และเก็บรายละเอียดต่างๆได้ดีกว่าการนั่งรถยนต์ 
อีกสิ่งหนึ่งที่จดจำได้ดีคือ ฝุ่นแดงๆที่ฟุ้งไปทั่ว ทำให้ต้องแปลงเสื้อคลุมมาเป็นผ้าคลุมศรีษะ และนั่งรถเที่ยวไปทั่วโดยที่เหลือแต่ตาโผล่ออกมา "ชั้นกลายเป็นคนชาติอื่นไปแล้ว"


ปราสาทบายน(Bayon)
ปราสาทบายนสร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 18 รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศิลปะแบบบายน ศาสนาพุทธนิกายมหายาน ปราสาทบายนเป็นปราสาทหลวงประจำรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และเป็นการปฏิวัติรูปแบบของการสร้างปราสาทที่มีภาพลักษณ์ต่างจากการสร้างรูปแบบเดิมๆโดยสิ้นเชิง เป็นเพราะพระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งต่างจากกษัตริย์หลายพระองค์ที่ล้วนแล้วแต่นับถือศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์ที่สืบทอดมากกว่า 415 ปี ปราสาทบายนถูกสร้างโดยการนำหินมาวางซ้อนๆ กันขึ้นเป็นรูปร่าง แม้จะเป็นปราสาทไม่ใหญ่โตเท่านครวัด แต่มีความแปลกและดูลี้ลับทั้งปราสาทมีแต่ใบหน้าคน หากขึ้นไปยืนอยู่ภายในปราสาทนี้ไม่ว่ามุมไหนก็หาได้รอดหลุดพ้นจากสายตาเหล่านี้ได้เลย นักเดินทางรุ่นเก่าที่เดินทางมายังปราสาทบายนรุ่นแรกๆ เช่น นายปิแอร์ โลตี ได้บันทึกไว้ว่า “ข้าพเจ้าแหงานหน้าขึ้นไปยังปราสาทที่มีต้นไม้ปกคลุม ซึ่งทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนคนแคระและทันทีทันใด เลือดในตัวข้าพเจ้าก็เกิดแข็งเย็นขึ้นมา เมื่อมองเห็นรอยยิ้มขนาดมหึมาที่กำลังมองลงมา แล้วก็รอยยิ้มอีกด้านหนึ่งเหนือกำแพงอีกด้านหนึ่ง แล้วก็รอยยิ้มที่สาม แล้วก็รอยยิ้มที่ห้า แล้วก็ที่สิบ ปรากฏจากทั่วสารทิศข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนมีตาคอยจ้องมองอยู่ทุกทิศทาง”
"ปราสาทบายน 
สำหรับเราแล้วเป็นปราสาทที่ดูมีมนต์ขลัง และดูน่าเกรงขาม"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพปราสาทบายน (Bayon)

ปรางค์ปราสาทบายน
ปรางค์ปราสาทบายนทั้ง 54 ปรางค์ถูกสลักเป็นภาพพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ผันพระพักตร์ออกไปทั้งสี่ทิศ เพื่อสอดส่องดูแลความทุกข์สุขของเหล่าพสกนิกรของพระองค์ให้อยู่เย็นเป็นสุข รอยยิ้มที่ระเรื่อนี้เรียกว่ายิ้มแบบบายนเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ใบหน้าเหล่านั้นหากนับรวมกัน 54 ปรางค์ปราสาทปรางค์ปราสาทละ 4 หน้า จะมีรวมถึง 216 หน้า แต่ปัจจุบันได้สึกกร่อนพังทลายลงไปหลายหน้าแล้ว รอบๆ ปรางค์ประธานประกอบด้วยระเบียงคต 2 ชั้น รูปทรงสี่เหลี่ยมพื้นผ้า ชั้นนอกมีขนาดกว้าง 140 เมตร ยาว 160 เมตร ชั้นในมีขนาดกว้าง 70 เมตร ยาว 80 เมตร หน้าโคปุระทุกด้านมีภาพประติมากรรมลอยตัวรูปสิงห์ทั้งสองข้างของบันได ปรางค์ประธานมีลักษณะเป็นทรงกรวยมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 25 เมตร และสูง 43 เมตร เหนือจากระดับพื้น ตัวปราสาทโดยรอบแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ประกอบระเบียงคตด้านนอก ชั้นระเบียงคตด้านใน และบนสุดเป็นชั้นของปรางค์ประธาน และปรางค์บริวารที่ทุกปรางค์จะมีภาพพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ผินพระพักตร์มองออกไปทั้งสี่ทิศ
"รอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา แต่ยังรู้สึกกล้าๆกลัวๆทุกครั้งที่มอง"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพปรางค์ของปราสาทบายน ที่แกะเป็นภาพพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 



เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพปรางค์ประธาน กับประติมากรรมลอยตัวรูปสิงห์

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพสลักนางอัปสรา

ปราสาทปาปวน(Baphuon)
ปราสาทบาปวน ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 เป็นศิลปะแบบปาปวน จัดเป็นปราสาทแรกในกลุ่มปราสาทเมืองพระนคร มีทางเดินผ่านตัวปราสาทเป็นสะพานหินยกระดับทอดยาว ทางเดินเข้าผ่านโคปุระรูปกากบาท 3 ทาง ตัวปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ที่ตั้งของปราสาทอยู่ในเขตพระราชวังหลวง เป็นปราสาทที่มียอดสูง มีหลักฐานจากการบันทึกของจิวต้ากวนราชทูตจากเมืองจีนในปลายพุทธศตวรรษที่ 18 กล่าวไว้ว่า ยอดปราสาทบาปวนเคลือบด้วยสำริดแลอร่ามแต่ไกล หากยอดไม่หักพังเสียก่อน คาดว่าปราสาทบาปวนอาจมีความสูงกว่าปราสาทพิมานอากาศ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ปัจจุบันนี้ปราสาททรุดโทรมมากและกำลังได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่อง
"ทางเดินเข้าที่สร้างเป็นสะพานยกระดับ"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ปราสาทปาปวน (Baphuon)


"ที่ไหนมีบันได ที่นั่นเราจะเดินขึ้นไป"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพมุมสูงจากปราสาปาปวน (Bapuon)


ปราสาทพิมานอากาศ(Phimeanakas)
ปราสาทพิมานอากาศ ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 พระเจ้าชัยวรมันที่ 5 และพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 เป็นศิลปะแบบคลัง เป็นปราสาทหลังเดียวที่ก่อสร้างด้วยหินทรายอยู่บนฐานศิลาแลง ซ้อนกันเป็น 3 ชั้น คล้ายปิรามิด ความสูงของฐานปราสาทพิมานอากาศทั้ง 3 ชั้นราว 12 เมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมพื้นผ้ามีบันไดลาดชันทั้ง 4 ด้าน บันทึกของจิวต้ากวนกล่าวว่าในปราสาทแห่งนี้กษัตริย์ขอมตะต้องเสด็จมาบรรทมกับนางนาคเก้าเศียรที่จะแปลงร่างเป็นสาวงามทุกคืน ซึ่งเป็นตำนานที่เล่าขานกันในหมู่ชาวจีนที่มีอาศัยอยู่ในเมืองพระนครหลวงสมัยนั้น


เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพปราสาทพิมานอากาศ ที่มีเพียงภาพเดียวเท่านั้น


สระน้ำหลวง
สระน้ำหลวง ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 45 เมตร ยาว 125 เมตร ขอบสระเป็นหินทรายล้อมรอบหลายชั้นลาดลงด้านล่าง เชื่อว่าสร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และแกะสลักภาพเพิ่มเติมในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่บริเวณด้านทิศใต้ของสระมีกำแพงยาวต่อขึ้นไปทางทิศตะวันตกอีกเล้กน้อย สันนิษฐานว่าสร้างเพื่อกั้นชั้นดินจากปราสาทพิมานอากาศไม่ให้ไหลลงสระ จุดเด่นของกำแพงคือภาพสลักที่สมบูรณ์ ภาพบางตอนคล้ายภาพที่ผนังลานพระเจ้าขี้เรื้อน
"ถัดจากปราสาทพิมานอากาศ เดินมาจะเจอสระน้ำหลวง"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพสระน้ำหลวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทพิมานอากาศ


"จากสระน้ำหลวง เราจะเดินข้ามลานกว้างๆเพื่อไปลานช้าง 
เดินๆไปเจอเจ้าตัวนี้ไปทั่ว 
จึงพยายามเดินย่องๆไม่ให้มันรู้ตัวและวิ่งมาหาเราได้" 
แมลงตัวเล็กๆที่น่ารัก ซะเมื่อไหร่

ลานช้าง(Terrace of the Elephants)
ลานช้าง สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และมีการบูรณะเพิ่มเติมสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 8 เป็นศิลปะแบบบายน ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองพระนครหลวง หันหน้าเข้าสู่ลานกว้างเรียกว่าสนามหลวง ลักษณะเป็นระเบียงยาวประมาณ 350 เมตร สูงจากพื้น 3 เมตร ผนังฐานพลับพลาสร้างด้วยหินสลักเป็นรูปช้างและครุฑ พื้นพลับพลาเป็นหินตั้งอยู่ด้านหน้าประตูพระราชวังมีมุขยื่นออกมาทั้งสองด้าน คือมุขช้างเอราวัณและมุขรูปครุฑพ่าห์มีบันไดขึ้นลงได้ 5 ทาง บันไดใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นทางพระราชดำเนินที่จะใช้ลงไปยังสนามหลวงของพระมหากษัตริย์เท่านั้น จุดประสงค์ของการสร้างลานช้าง เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับพระมหากษัตริย์นั่งทอดพระเนตรการสวนสนาม การซ้อมรบ และการเฉลิมฉลองต่างๆ ตลอดจนการต้อนรับพระราชอาคันตุกะ
"เมื่อมาถึง ก็รู้ทันทีว่าที่นี่คือลานช้างแน่นอน" 
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพส่วนหนึ่งของลานช้าง


เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพสลักที่ลานช้าง


ลานพระเจ้าขี้เรื้อน(Terrace of the Leper King)
ลานพระเจ้าขี้เรื้อน สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และมีการบูรณะเพิ่มเติมสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 8 เป็นศิลปะแบบบายน โดยที่ไม่ทราบชื่อ จึงถูกขนานนามขึ้นใหม่ เชื่อกันว่าเป็นศาลตัดสินโทษ ผนังของลานสันนิษฐานว่าถล่มและได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ทั้งหมดมีความยาว 25 เมตร สูง 6 เมตร
"ถัดมาไม่ไกล จะเห็นลานพระเจ้าขี้เรื้อน ทำไมถึงมีชื่อแบบนี้นะ?"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพสลักลานพระเจ้าขี้เรื้อน


เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพสลักนูนสูงที่มุมระเบียง 


ปราสาทพระป่าเลไลย์
ปราสาทวัดป่าเลไลย์ เป็นปราสาทเถรวาทเพียงแห่งเดียวในเมืองพระนคร สร้างขุึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศแก่มเหสี มีภาพประวัติเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเสด็จเยือนป่าไลเลย์ มีช้างและลิงมาถวายอ้อยและรังผึ้ง
"เมื่อเดินเข้าไปที่ป่าด้านหลัง จะเจอวัดป่าแบบเถรวาทที่นี่"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ภาพปราสาทพระป่าเลไลย์ เดิมทีมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ด้านหน้า


Tep Pranam Pagoda
"องค์พระภายใต้เจดีย์ที่ถูกสร้างขึ้น ใกล้ๆวัดป่าเลไลย์"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
Tep Pranam




"ถึงแม้จะมาในฤดูร้อน แต่การเที่ยวแต่ละจุดไม่ร้อนเลย
จะมีก็แค่ความเมื่อยล้าจากการเดิน 
แต่ก็มีน้ำบาดาลเย็นๆไว้ไม้เช็ดมือ ช่วยให้สดชื่นได้"
เครื่องสูบน้ำบาดาลด้วยมือ


ประตูเมืองนครธมทางด้านทิศใต้
จุดเด่นที่สุดคือทางเข้าด้านใต้ ที่มีลักษณะเป็นหน้า 4 หน้า ก่อนจะเข้าสู่บริเวณนี้ จะเป็นแถวของยักษ์ (อสูร) ทางด้านขวา และเทวดาทางด้านซ้าย เรียงรายแบกพญานาคอยู่สองข้างสะพาน เมื่อเข้าสู่ใจกลางนครธมจะพบสิ่งก่อสร้างต่างๆ บริเวณประตูด้านใต้นี้ได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูไว้ได้ดีกว่าบริเวณอื่นๆ อีก 3 ด้าน
"สถานที่ข้างบนนี้ทั้งหมดอยู่ภายในประตูเมืองเดียวกัน
ซึ่งเมื่อเยี่ยมชมครบทุกที่แล้ว จึงนั่งตุ๊กๆกลับออกมาทางนี้"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ประตูเมืองนครธมทางด้านทิศใต้ 

จบที่ภาพนี้ก่อน เดี๋ยวไปกันต่อใน เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.3 


 แผนเที่ยวในวันอื่นๆ

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D1
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังโกร์ วัดทเมย ปราสาทพนมบาเค็ง
ปราสาทกระวาน ปราสาทแปรรูป ปราสาทแม่บุญตะวันออก 
ปราสาทตาสม ปราสาทนาคพันธ์ ปราสาทพระขรรค์ 
บันทายสำเหร่ บันทายศรี กบาลสเปียน ปราสาทบึงมาลา

วัดเพรียะพรหมราช วัดตำหนัก วัดบ่อ ศาลพระองค์เจกพระองค์จอม
ปราสาทพระโค ปราสาทบากอง วัดโลเลย โตนเลสาบ 
wat athvea lucky mall night market

เช้าๆ เดินเล่นแถวๆที่พักก่อนแท็กซี่จะมารับกลับไปที่ปอยเปต
แวะทานมื้อเที่ยงที่คาสิโน ซื้อของฝาก แล้วขึ้นรถบัสกลับตามเวลานัด
ถึงกรุงเทพฯราว 22.00น.

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D10

จากน่านฟ้ากรุงกาฐมาณฑุเดินทางสู่เมืองไทย วันที่สิบถือเป็นวันสุดท้ายในประเทศเนปาล วันนี้เราจะได้กลับบ้าน คิดถึงบ้านแล้วสิ.....  โ...

 
back to top