วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2562

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3 วันนี้ไปไหน คลิกลิงค์ดูได้เลย >>>
ปราสาทกระวาน  / ปราสาทแปรรูป  / ปราสาทแม่บุญตะวันออก  / ปราสาทตาสม  / ปราสาทนาคพันธ์  / ปราสาทพระขรรค์ 
ปราสาทบันทายสำเหร่  / ปราสาทบันทายสรี  / กบาลสะเปียน  / ปราสาทบึงมาลา 

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3


ตอนนี้เราได้มาถึงวันที่สามของทริปนี้แล้ว

โดยในวันแรกเราได้ไปที่อื่นๆและปราสาทพนมบาเค็ง >>>
 เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D1

และในวันที่สองเราได้แบ่งไว้ 3ตอน ตามนี้ >>>
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.1
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.3

อันนี้เป็นแผนท่องเที่ยวและคชจ. >>>
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์เตรียมตัวอย่างไร

ส่วนแผนท่องเที่ยวของ เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3 
จะเขียนไว้ด้านบนสุด สามารถคลิกเพื่อเลื่อนลงไปดูตามจุดที่สนใจได้

เมื่อเราผ่านพ้นวันที่สองที่เดินเหนื่อยสุดๆมาได้แล้ว... เราก็มาเหนื่อยกันต่อในวันที่สาม 555 
วันนี้เราเดินทางกันด้วยรถยนต์ เนื่องจากมีแผนที่จะไป "เบ็งเมเลีย" ซึ่งอยู่ไกลจากจุดท่องเที่ยวอื่นๆมาก
ยังไงวันนี้ต้องเหนื่อยน้อยกว่าแน่นอน เพราะลม(แอร์)มันเย็น....

พร้อมแล้ว ไปเที่ยวกันเลย >>>

"เปิดมาภาพแรกก็สิ่งนี้เลย เรามีประสบการณ์ต้องเตรียมตัวไว้"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
โค้กรสเชอร์รี


ปราสาทกระวาน(Prasat kravan)
ปราสาทกระวาน ถูกสร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 15 รัชสมัยของพระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 เป็นศิลปะแบบบาแค็งและเกาะแกร์ เพื่ออุทิศถวายแด่พระวิษณุหรือพระนารายณ์ สังเกตได้จากภาพสลักที่ปรากฎอยู่ ณ ปรางค์ประธาน จะพบภาพสลักเป็นภาพวิษณุหรือพระนารายณ์ตรีวิกรม (ย่างสามขุม) และนารายณ์ทรงครุฑที่นอกปราสาททางด้านทิศเหนือยังมีภาพสลักพระนางลักษมี (ชายาของพระวิษณุ) อยู่ทั้ง 2 ด้านของผนัง คำว่า กระวาน แปลว่า ดอกนมแมว ซึ่งเคยมีอยู่มากรอบปราสาทแห่งนี้ ปราสาทกระวานเป็นปราสาทขนาดเล็กสร้างบนฐานเดียวกัน 5 ปราสาท เรียงกันในแนวทิศเหนือ-ใต้ โดยการใช้อิฐก่อขึ้นเป็นรูปปราสาท
"ปราสาทเล็กๆที่เคยถูกรายล้อมไปด้วยดอกนมแมว"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
ภาพปราสาทกระวาน

ปราสาทแปรรูป(Pre Rup)
ปราสาทแปรรูป เป็นวัดตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดู ตั้งอยู่ฝั่งทิศตะวันออกของนครธม อยู่ทางทิศใต้ของบารายตะวันออก และตั้ง อยู่บนแกนทิศเหนือใต้ ขนานกับปราสาทแม่บุญตะวันออก ปราสาทแปรรูปสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันเมื่อประมาณพ.ศ. 1504 เป็นสัญลักษณ์แทนเขาพระสุเมรุ สร้างจากหินศิลาแลง หินทราย และอิฐ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ดังนั้น จึงควรไปเที่ยวชมในตอนเช้าเพื่อถ่ายภาพจะได้มีแสงแดดยามเช้าสาดส่องมาทางด้านหน้าปราสาท
"ปราสาทแปรรูปเป็นสัญลักษณ์แทนเขาพระสุเมรุ เมื่อเทียบกับตัวคนจะดูใหญ่มาก"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
ทางขึ้นด้านหน้าปราสาทแปรรูป


"เมื่อเดินขึ้นมาในตอนเช้าจะได้เห็นบรรยากาศแบบนี้"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
อาทิตย์ขึ้นที่ปราสาทแปรรูป


ปราสาทแม่บุญตะวันออก(East Mebon)
ปราสาทแม่บุญตะวันออก สร้างขึ้นในปลายปีพุทธศตวรรษที่ 15 (พ.ศ. 1495) รัชสมัยของพระเจ้าราชทรวรมันที่ 2 เป็นศิลปะแบบแปรรูป ก่อนที่จะมีการสร้างแม่บุญตะวันออกขึ้น พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ทรงสร้างบารายทางทิศตะวันออก โดยมีพระประสงค์เพื่อให้มีน้ำใช้กันทั้งเมือง บารายนี้มีความยาว 7 กิโลเมตร และกว้าง 1.8 กิโลเมตร มีความลึก 4 เมตร เก็บน้ำได้ถึง 55 ล้านลูกบาศก์เมตร บารายนี้ถูกขนานนามว่า ยโศธรตฏากะ หรือสระน้ำของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 เช่นเดียวกับปราสาทแปรรูป ปราสาทแม่บุญตะวันออก เปรียบประหนึ่งวิหารที่อยู่บนยอดเขา
"เป็นอีกหนึ่งปราสาทที่มีบันไดสูง บริหารหัวใจกันอีกครา"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
ภาพด้านหนึ่งของปราสาทแม่บุญตะวันออก


"เดินขึ้นมาด้านบนได้เก็บแสงเช้า"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
แสงเช้าที่ปราสาทแม่บุญตะวันออก

ปราสาทตาสม(Tasom)
ปราสาทตาสม สร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 18 รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และทำการขยายเพิ่มเติมในรัชสมัยของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 มีรูปแบบปราสาทในยุคต้นๆของศิลปะแบบบายน เป็นปราสาทขนาดเล็กหากเปรียบเทียบกับปราสาทตาพรหม ลักษณะเด่นของปราสาทตาสมอีกอย่างก็คือพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ซึ่งอยู่บนยอดของปรางค์ประธานและโคปุระที่กำแพงด้านนอกมีพระพักตร์ทั้งสี่ทิศเหมือนกับปราสาทบายน
"จริงๆแล้วที่นี่คือ ลิตเติ้ลบายนใช่มั้ย?"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3


"มุมต่างๆของปราสาทตาสม แสงแบบนี้ไม่ต้องมีฟิลเตอร์"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
บรรยากาศยามเช้าที่ปราสาทตาสม


ปราสาทนาคพันธ์(Neak Poan / Neak Pean)
ปราสาทนาคพันธ์ ถูกสร้างขึ้นปีพุทธศตวรรษที่ 18 รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศิลปะแบบบายน ในบรรดาปราสาทที่ก่อสร้างในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทนาคพันจะมีความแปลกตามากที่สุด ตัวปราสาทตั้งอยู่กลางสระน้ำเปรียบเสมือนเกาะอยู่กลางทะเล หรือเปรียบกับภูเขาหิมาลัยที่อยู่กลางมหาสมุทร น้ำจากสระแห่งนี้ถือเป็นน้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดที่อาบหรือดื่มกินน้ำจากสระนี้โดยผ่านจากปากของราชสีห์ ช้าง ม้า และมนุษย์ที่อยู่ในศาลาทั้งสี่ทิศ เชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ นาคพันรอบฐานปราสาท กลางสระน้ำเป็นที่ตั้งของฐานปราสาทที่มีลักษณะกลมเป็นชั้นๆ ที่ฐานหรือชั้นล่างสุดของฐานปราสาทนี้ เป็นนาคเจ็ดเศียรสองตัวที่หางเกี่ยวพันกันทางทิศตะวันตก ลำตัวโอบล้อมฐานหันหน้ามาทางทิศตะวันอออก นาคสองตัวนี้เชื่อกันว่าเป็นพญานาคที่ชื่อว่านันทะและอุปานันทะ
"เป็นปราสาทเล็กๆที่มีความแปลกตากว่าที่อื่นๆ ภาพบนคือทางเข้า"

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
ปราสาทนาคพันธ์


ปราสาทพระขรรค์(Preah Khan)
ปราสาทพระขรรค์ สร้างขึ้นในปีพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 1734) รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศิลปะแบบบายน <<<<< พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นับว่าเป็นมหาราชที่ยิ่งใหญ่ นอกจากจะทรงสร้างปราสาทต่างๆ ขึ้นมากมายเพื่อใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางพุทธศาสนาแล้วพระองค์ยังทรงให้ความสำคัญกับด้านสาธารณสุขด้วย ด้วยการสร้างอโรคยศาลาถึง 102 แห่ง ในบรรดาปราสาทต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ต้องยกให้ปราสาทพระขรรค์เป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในรัชสมัยของพระองค์มีราชครูกว่าหนึ่งพันคนปราสาทแห่งนี้จึงใช้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งพระพุทธศาสนาก็ว่าได้ เช่นเดียวกับปราสาทตาพรหมก็เป็นปราสาทที่สร้างให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาเช่นกัน >>>>> <<<<< บริเวณที่สร้างปราสาทพระขรรค์ ถูกขนาดนามว่าเป็นทะเลแห่งเลือด เพราะในบริเวณนี้เคยเป็นสมรภูมิรบระหว่างพวกขอมที่อยู่ในเมืองพระนครและพวกจาม ศึกสงคราครั้งนั้นทำให้ขอมชนะจาม จึงเรียกปราสาทแห่งนี้ว่าปราสาทชัยศรี เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของพระองค์ ซึ่งมีปรากฏอยู่ในจารึกในปราสาทพระขรรค์ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นปราสาทพระขรรค์ อันหมายถึงพระแสงดาบที่ทำให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ชนะอริราชศัตรู พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างปราสาทพระขรรค์นี้เพื่ออุทิศให้แก่พระราชบิดา โดยสร้างหลังจากที่พระองค์ทรงสร้างปราสาทตาพรหมเพื่ออุทิศให้แก่พระราชมารดาแล้ว 5 ปี >>>>>
"ปราสาทพระขรรค์มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ มีประตูชั้นในและชั้นนอกอยู่ 4ทิศ ประตูชั้นในทั้ง 4ด้าน จะมีรูปแบบเเดียวกัน ต่างกันแค่ประตูชั้นนอก
จดจำทิศทางไว้ ถ้าจำผิดจะออกผิดประตูนะเออ"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
ประตูทางเข้าชั้นนอกของปราสาทพระขรรค์


"ภาพบรรยากาศภายในปราสาทพระขรรค์"



ปราสาทบันทายสำเหร่(Banteay Samrei)
ปราสาทบันทายสำเหร่ ถูกสร้างกลางปีพุทธศตวรรษที่ 17 ในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และต่อเติมโดยพระเจ้ายโศวรมันที่ 2 เป็นศิลปะแบบนครวัด <<<<< ปราสาทบันทายสำเหร่ ตั้งอยู่ไกลจากปราสาทในกลุ่มเมืองพระนคร ปราสาทแห่งนี้คล้ายกับปราสาทหินพิมาย ช่องทางเดินระหว่างปราสาทแต่ละหลัง ดูแออัดคับแคบ บรรณาลัยทางด้านเหนือและด้านใต้แทบจะอยู่ติดกัน >>>>> <<<<< ภาพสลักส่วนใหญ่ภายในปราสาทแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องรามเกียรติ์ มีการแกะลายที่ชัดเจน ลึกและหนักแน่น >>>>>
บันทายสำเหร่ มองๆไปคล้ายนครวัด
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
ปราสาทบันทายสำเหร่


"จากปราสาทบันทายสำเหร่ จึงเดินทางต่อไปที่ปราสาทบันทายสรี"



"ระหว่างทางไปปราสาทบันทายสรี จะเห็นซุ้มขายของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว น้ำตาลสดไม่หวานมากนัก แต่น้ำตาลโตนดที่พันด้วยใบตองหวานหอมแน่นอน"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
จุดแวะซื้อของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว


ปราสาทบันทายสรี(Banteay Srey)
ปราสาทบันทายสรี หรือที่เรียกว่า ปราสาทสีชมพู สร้างขึ้นในต้นพุทธศตวรรษที่ 16 รัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 เป็นศิลปะแบบบันทายสรี <<<<< ตามจารึกที่ปราสาทบันทายสรีกล่าวว่าปราสาทแห่งนี้ ถูกสร้างโดยพราหมณ์ยัชญวราหะ เมื่อพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 เสด็จสวรรคต พระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ซึ่งเป็นราชโอรสจึงขึ้นครองราชย์แทน เนื่องจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ยังทรงพระเยาว์อยู่ พราหมณ์ยัชญวราหะ จึงได้ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และเป็นพระอาจารย์ให้กับพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 พราหมณ์ยัชญวราหะได้ทูลขอที่ดินแปลงหนึ่งจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 เพื่อมาสร้างปราสาทเพื่อบูชาพระศิวะ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของราษฎร สังเกตว่าปราสาทที่พระเจ้าแผ่นดินสร้าง กับปราสาทที่เสนาบดีหรือข้าราชการชั้นสูงสร้างจะต่างกันที่ฐาน ปราสาทที่พระเจ้าแผ่นดินสร้าง จะสร้างอยู่บนฐานที่ทำเป็นชั้นสูง หรือสร้างบนเนินเขาดังเช่น นครวัด ที่ส่วนปรางค์ประธานจะต้องตั้งอยู่ฐานชั้นสูงหรือที่พนมบาแค็ง ที่ปราสาทสร้างอยู่บนเนินเขา สำหรับปราสาทบันทายสรี ผู้สร้างเป็นราชครู จึงต้องสร้างปราสาทบนเนินดินอาจทำเป็นฐานเตี้ยๆ ยกพื้นขึ้นเพื่อรองรับตัวปราสาทเท่านั้น >>>>> <<<<< ปราสาทบันทายสรี เป็นเทวสถานขนาดเล็ก แต่มีความงามทางด้านลวดลายเป็นเลิศ ศิลปะมีลักษณะพิเศษจนต้องจัดเป็นศิลปะสมัยหนึ่งโดยเฉพาะ ศิลปะแบบบันทายสรีถูกจัดให้อยู่ในยุคราว พ.ศ. 1510-1550 ก่อสร้างด้วยหินทรายสีชมพู เนื้อละเอียด การสลักลวดลายดูอ่อนช้อย ลายคมชัด ดูมีชีวิตชีวา >>>>>
"ปราสาทนี้จะดูฟรุ้งฟริ้งกว่าที่อื่น เนื่องจากมีเนื้อหินเป็นสีชมพู" 
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
ปราสาทบันทายสรี

"จากภาพด้านล่างนี้จะเห็นว่าเนื้อหินเป็นสีชมพูชัดเจน
ประกอบกับลวดลายสลักที่มีความละเอียดชดช้อยกว่าที่อื่น"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
บริเวณปราสาทบันทายสรี



กบาลสะเปียน(Kbal Spean)
กบาลสะเปียน สร้างในปลายปีพุทธศตวรรษที่ 16 รัชสมัยของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 เป็นศิลปะแบบบาปวน <<<<< กบาลสะเปียนหรือหัวสะพาน ถูกขนานนามจากแนวก้อนหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยมีลักษณะคล้ายสะพานทอดข้ามสายน้ำเล็กๆ ซึ่งมีต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาพนมกุเลน ธารน้ำสายนี้แยกไหลเป็นสายย่อยเลาะรอบเมืองพระนครผ่านเรือกสวนไร่นาของประชาชนก่อนที่จะไหลรวมกับแม่น้ำเสียมเรียบ และไหลลงทะเลสาบในที่สุด ทั้งพนมกุเลนและกบาลสะเปียนแม้จะอยู่ห่างกันคนละที่ แต่ก็มีสองสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาภายใต้ผืนน้ำของท้องธารทั้งสอง ที่เหมือนกันคือรูปศิวะสลักหรือศิวลึงค์องค์ย่อมๆ ไปถึงขนาดใหญ่นับพันองค์ และรูปโยนีสลักอีกเป็นจำนวนมาก แผ่ขนานไปตามความยาวของลำธารตื้นๆ เป็นระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตร เป็นที่น่าสังเกตว่าด้านหน้าของโยนีถูกสลักให้หันไปทางทิศเหนือเสมอ เพราะว่าแต่โบราณถือว่าเหนือเป็นทิศแห่งโชคลาภ และความสมบูรณ์พูนสุขจึงนิยมสลักโยนีสู่ทิศเหนือเสมอ >>>>> <<<<< กบาลสะเปียน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ปลายพุทธศตวรรษที่ 16 โดยมีพระประสงค์เพื่อให้พราหมณ์ประกอบพิธีเสกน้ำให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำน้ำไปประกอบพิธีหลวงในพระราชวัง และเพื่อให้เหล่ามวลประชาราษฎร์นำไปบูชารักษาโรคภัยไข้เจ็บ นำไปใช้กับไร่นาของตนได้ เพื่อผลผลิตที่สมบูรณ์ >>>>> <<<<< กบาลสะเปียนถูกลบเลือนไปจากความทรงจำของชาวกัมพูชา และปลอดพ้นจากสายตานักท่องเที่ยวในโลกยุคปัจจุบันมาเนิ่นนาน ด้วยอยู่ในป่ารกทึบและเส้นทางก็ไม่ได้ตัดผ่าน จนกระทั่งในปี พ.ศ.2511 (ค.ศ.1968) ปอล บัวลิเย่ นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศสได้ชื่อว่าเป็นผู้ค้นพบกบาลสะเปียน และให้สมยาสายธารนี้ว่า “The River of the Thousand Lingar” >>>>>
"กบาลสะเปียน จะต้องเดินขึ้นเนินผ่านเส้นทางป่าซึ่งมีระยะทางพอสมควร 
เราก้าวเท้าเดินด้วยความฮึกเหิม >>> (ไม่ได้ไปรบ)
พรางได้ยินเสียงคนขับรถแว่วตามหลังมาว่า good luck..."
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
ภาพสลักหินที่กบาลสะเปียน


"เมื่อขึ้นมาถึงจะเห็นรอยสลักตามพื้นหินอยู่เต็มไปหมด ทำให้เห็นถึงแรงศรัทธาของคนในยุคนั้น คุณลุงคนหนึ่งอาสาชี้ภาพสลักต่างให้เราได้เห็น
นี่คือภาพที่เราได้ถ่ายมา"



ปราสาทบึงมาลา (Beng Mealea)
ปราสาทบึงมาลา สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ศิลปะแบบนครวัด <<<<< มีการปลูกสร้างปราสาทบึงมาลาให้มีขนาดใกล้เคียงกับขนาดของปราสาทนครวัด มีหลักฐานว่าได้ถูกสร้างเพื่อเป็นแบบทดลองก่อนสร้างนครวัด คือ ทำเป็นปราสาทมีระเบียงใหญ่ล้อมรอบบนฐานทุกชั้น 3 ชั้น มีระเบียงตัดกันเป็นรูปกากบาทเพื่อเชื่อมระเบียงใหญ่ ปัจจุบันยังมิได้มีการบูรณะและยังถูกปล่อยรกร้าง แต่สภาพโดยทั่วไปยังสามารถมองเห็นความยิ่งใหญ่อลังการณ์ของตัวปราสาท >>>>> <<<<< ปราสาทบึงมาลา ขานตามแบบไทย เขมรออกคล้ายว่า เบ็งเมเลีย Beng Mealea ที่นี่บ้างก็ว่าสร้างขึ้นก่อนนครวัดในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ บ้างก็ว่าสร้างทีหลัง ขนาดเฉพาะพื้นที่ใหญ่่กว่านครวัดเล็กน้อย แต่สิ่งก่อสร้างมีขนาดย่อมกว่าไม่ได้ก่อขึ้นเป็นภูเขาอย่างมหาปราสาทนครวัดซึ่งเป็นงานของช่างเอก >>>>>
"ปราสาทบึงมาลา เป็นปราสาทต้นแบบของปราสาทนครวัด คนขับรถบอกว่าปราสาทถูกพังลงมาด้วยแรงระเบิด  ถึงแม้จะยืนยันว่าถูกเก็บกู้ไปหมดแล้ว แต่ก็ยังคงมองพื้นทุกครั้งที่ก้าวเท้าเดินอยู่ดี"
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
ปราสาทบึงมาลา (Beng Mealea)



"ตามจริงที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่พาเดินไปตามจุดต่างๆด้วย แต่เรามาถึงก็เย็นมากแล้ว  ปราสาทไม่ปิด แต่ต้องเดินดูกันเอง"




"จบจากบึงมาลา ก็นั่งรถกลับมาที่เสียมเรียบทันที และภาพนี้คือภาพส่งท้ายของวันที่สาม รวมเวลา 12ชั่วโมงอีกวัน "
เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3
ภาพยามเย็นที่เมืองเสียมเรียบ























จบอีกหนึ่งวัน กับ เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D3 โดยที่บล็อกนี้ตั้งใจทำเนื้อหาให้กระชับมากขึ้น จบภายใน 1บล็อก หวังว่าจะดีกว่าบล็อกเก่าๆนะ

อย่าลืมตามไปดูกันต่อใน 


 แผนเที่ยวในวันอื่นๆ

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังโกร์ วัดทเมย ปราสาทพนมบาเค็ง

ปราสาทนครวัด ปราสาทปักษีจำกรง 

เที่ยวเสียมเรียบ ไม่ไปกับทัวร์ก็เที่ยวได้ชัวร์.D2.2
ปราสาทนครธม ปราสาทบายน ปราสาทปาปวน ปราสาทพิมานอากาศ ลานช้าง ลานพระเจ้าขี้เรื้อน
ปราสาทวัดป่าไลเลย์ ปราสาทตาเขียว ปราสาทตาพรหม

วัดเพรียะพรหมราช วัดตำหนัก วัดบ่อ ศาลพระองค์เจกพระองค์จอม
ปราสาทพระโค ปราสาทบากอง วัดโลเลย โตนเลสาบ 
wat athvea lucky mall night market

เช้าๆ เดินเล่นแถวๆที่พักก่อนแท็กซี่จะมารับกลับไปที่ปอยเปต
แวะทานมื้อเที่ยงที่คาสิโน ซื้อของฝาก แล้วขึ้นรถบัสกลับตามเวลานัด
ถึงกรุงเทพฯราว 22.00น.




0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D10

จากน่านฟ้ากรุงกาฐมาณฑุเดินทางสู่เมืองไทย วันที่สิบถือเป็นวันสุดท้ายในประเทศเนปาล วันนี้เราจะได้กลับบ้าน คิดถึงบ้านแล้วสิ.....  โ...

 
back to top