เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D3

ถ้ำกัพเตชวอร์มหาเทพ : Gupteshwor Mahadev cave  / น้ำตกเทวี : Devi’s Fall  / แม่น้ำเซติ หรือแม่น้ำนม : Seti River 
วัดพินทะพาสินี : Bindhyabasini Temple  / ทะเลสาปฟีวา : Fewa lake  / วัดบาลาฮี : Barahi Temple 

วันนี้เราได้มาถึงวันที่สาม ของการท่องเที่ยวในเนปาลแล้ว ซึ่งจุดหมายของวันนี้คือ เมืองโพครา

โดยสองวันก่อนได้เขียนบล็อกเอาไว้ตามนี้ >>

เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D1

เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D2

อันนี้คือแผนท่องเที่ยวและค่าใช้จ่าย >>

เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น เตรียมตัวอย่างไร

ส่วนแผนท่องเที่ยวของ เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D3

เราจะเขียนไว้ด้านบนสุด ซึ่งสามารถคลิกเพื่อเลื่อนลงไปดูตามจุดที่สนใจได้

     วันนี้ ไกด์ปาซังมารับไปส่งที่สนามบิน หลังจากทานมื้อเช้าของโรงแรมเรียบร้อยแล้ว พวกเราแยกกันตรงหน้าประตูสนามบิน 
      เราลากกระเป๋าใบใหญ่เดินดุ่มๆไปที่นั่งรอผู้โดยสาร พลางเงีี่ยหูฟังชื่อสายการบินที่ประกาศเป็นระยะ สำเนียงของคนที่นี่ฟังยากสำหรับเรา หรืออาจเป็นเพราะภาษาเราไม่แข็งก็อาจเป็นได้

     เมื่อถึงเวลา จึงเดินทางต่อโดยสายการบิน Yeti Airline เพื่อมุ่งสู่เมืองโพครา โดยมีไกด์แดนและลูกหาบรอเราอยู่ที่โน่นแล้ว

     Yeti Airline เป็นสายการบินภายในประเทศ ผู้โดยสารจึงเป็นคนท้องถิ่นเกือบทั้งลำ  แอร์โฮสเตสสาวชาวเนปาลีหน้าตาสวยคม ท่าทางคล่องแคล่ว เดินแจกลูกอม ขนม น้ำ และสำลีสำหรับอุดหูด้วย(กันเครื่องเสียงดัง) พร้อมรอยยิ้มที่ตราตรึง

ใช้เวลาเพียง 30นาที ก็มาถึงสนามบินโพครา

     เมืองโปขระ โภครา หรือโพครา(Pokhara Valley) อยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันตก 200 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปได้ทั้งทางอากาศและทางรถยนต์ ทั้งยังเป็นเมืองชายแดนติดกับประเทศอินเดียอีกด้วย โดยมียอดเขาซารางกอตเป็นเทือกเขาใหญ่ 

     โพครา เป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 2 รองจากกาฐมาณฑุจากที่นี่จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของ เธาละคีรี (Dhanulagiri) มนะสลู (Manaslu) มัชฉาปุรณะ (Machhapuchher) และยอดเขาอรรณาปุรณะ (Annapurana) ทั้ง 5 ยอด เป็นเมืองแห่งมนต์เสน่ห์ท่ามกลางวงล้อมของหุบเขาอรรณาปูรณะ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 827 เมตร 

     โพครา เป็นจุดชมความงดงามของเทือกเขาหิมาลัยได้ใกล้ที่สุดเนื่องจากห่างจากบริเวณเทือกเขาแค่ 30 กิโลเมตร และที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินเขาเพื่อพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกคือเอเวอเรสต์

     เมื่อผ่านขั้นตอนต่างๆในสนามบินออกมา ก็เจอไกด์แดน และลูกหาบมาโนชยืนรออยู่ตรงทางออกแล้ว      

     ไกด์แดนจะนำเราไปเช็คอินที่พักก่อน ด้วยรถคันเล็กๆพร้อมคนขับที่ขับรถได้ซิ่งฉวัดเฉวียนถูกใจวัยรุ่นมาก

     เมืองโพครา ไม่ใช่เมืองโบราณ แต่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีภูมิประเทศสวยงาม และเงียบสงบกว่ากรุงกาฐมาณฑุ ผู้คนดูสบายๆ มีร้านค้าที่ราคาย่อมเยากว่า มีผับบาร์และร้านอาหาร เป็นสถานที่ที่เหมาะมาก ถ้าจะมาพักผ่อนดื่มด่ำบรรยากาศที่นี่ 

     แต่สำหรับเราที่มีเวลาไม่มาก คงต้องขึ้นไปดื่มด่ำระหว่างเดินเขาแทนแล้ว

"นั่งรถจากสนามบินเข้าเมืองโพครา"

เมืองโพครา

"ระหว่างทางสายตาเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่ง มองแล้วคล้ายๆภาคเหนือบ้านเรา จึงเก็บภาพมา"

ชิงช้าในเมืองโพครา

หลังจากเช็คอินที่พักและทานมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้ว ไกด์แดนจึงนำเราไปยังสถานที่แรก ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไกด์นำมาเพิ่มให้ในแผนเที่ยวของเรา

ถ้ำกัพเตชวอร์มหาเทพ : Gupteshwor Mahadev cave

ถ้ำกัพเตชวอร์มหาเทพ : Gupteshwor Mahadev cave คือถ้ำที่ใช้ทำพิธีกรรมทางศาสนาฮินดูที่เก่าแก่ ว่ากันว่ามีอายุถึง 5000ปี เลยทีเดียว ภายนอกด้านบนเก่อนถึงตัวถ้ำมีสิ่งปลูกสร้างที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เมื่อเดินลึกลงไปจะถึงตัวถ้ำขนาดใหญ่ ในถ้ำค่อนข้างมืดและชื้นแฉะควรเดินด้วยความระมัดระวัง

"จริงๆถ้ำนี้จะใหญ่มาก และมีมุมสวยๆเยอะ แต่เพราะภาพถ่ายส่วนนี้หายไปจึงนำมาโชว์ได้เท่านี้ ทำมาเป็นภาพสไลด์ 5ภาพ"

เมื่อเดินชมถ้ำเรียบร้อยแล้ว ไกด์แดนจึงนำเราไปยังสถานที่ต่อไป

น้ำตกเทวี : Devi’s Fall

น้ำตกเทวี : Devi’s Fall น้ำตกที่ตั้งชื่อตามเด็กชายเทวีที่เสียชีวิตพร้อมคู่รัก ณ ที่แห่งนี้ น้ำตกแห่งนี้แปลกกว่าที่อื่นตรงที่ต้องชะโงกหน้าก้มลงไปดู เพราะเป็นน้ำตกที่ทิ้งตัวจากลำธารลงสู่ช่องเขาเบื้องล่างลึกลงไปกว่า 100 เมตร นับว่าเป็นน้ำตกที่มีความลึกที่สุด

"อากาศค่อนข้างเย็นและชุ่มชื้น ดูหลักฐานได้จากหญ้ามอสที่ขึ้นตามผาหิน"

น้ำตกเทวี

และพาไปยังแม่น้ำเซติ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน

แม่น้ำเซติ หรือแม่น้ำนม : Seti River

แม่น้ำเซติ : Seti River หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า “แม่น้ำนม” เนื่องจากมีสีขาวคล้ายน้ำนม....................................................... แม่น้ำเซติเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำกังฮารา หรือ แม่น้ำการ์นารี ซึ่งเป็นน้ำที่ละลายจากหิมะบนยอดเขาอภิหรือนามปาในเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งน้ำสีขาวจะผ่านอุโมงค์และไหลสู่แม่น้ำใหญ่ในที่สุด

"จุดที่น้ำจะไหลผ่านอุโมงค์ก่อนลงสู่แม่น้ำตามธรรมชาติ"

แม่น้ำเซติ หรือแม่น้ำนม

จากนั้นจึงเดินทางไปยังสถานที่ต่อไป

วัดพินทะพาสินี : Bindhyabasini Temple

วัดพินทะพาสินี : Bindhyabasini Temple คือศาสนสถานที่มีชื่อเสียงของเมืองโพครา ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ผู้คนต่างเดินทางไปที่นั่นเพื่อบูชาเทพธิดาพินทะพาสินี........................................................................................................... วัดพินทะพาสินี เป็นสถานที่ที่สามารถมองเห็นเมืองโพคราได้ทั้งเมือง และยังมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ในวันฟ้าเปิด

"วัดที่ผู้คนมาบูชาเทพธิดา และจะเห็นเทืือกเขาหิมาลัยในวันฟ้าเปิด"

เมื่อได้เดินชมวัด ชมวิวเมืองแล้ว จึงเดินทางกลับไปที่ทะเลาสาปฟีวา ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักมากที่สุด

"รถคันนี้ที่ใช้เดินทางในเมืองโพครา" 

รถคันเล็กที่นิยมใช้เดินทางภายในประเทศเนปาล

ที่ทะเลสาปฟีวา ไกด์แดนพาลงเรือลำใหญ่เพื่อชมบรรยากาศรอบๆ ซึ่งการล่องเรือที่นี่จะเลือกแบบเรือใหญ่มีหลังคานั่งกันหลายๆคน เรือลำเล็กๆที่ที่มีคนแจว หรือจะเช่าเรือแคนูพายกันเองก็ได้

ทะเลสาปฟีวา  มีความสวยงามตามท้องเรื่อง และอากาศเย็นสบาย และมองเห็นยอดเขามัจฉาปูชเรได้ที่นี่หากฟ้าเปิด โดยมากผู้คนจะมาจับจองที่พักใกล้ทะเลสาป เพื่อพักผ่อนชมบรรยากาศ ช็อปปิ้ง และเดินเที่ยวร้านอาหารในยามค่ำคืน

และนี่คือภาพบรรยากาศ เป็นสไลด์ 5ภาพ 

ทะเลสาปฟีวา : Fewa lake

ทะเลสาปฟีวา : Fewa lake คือทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ที่ชมพระอาทิตย์ตกดิน และจะเห็นภาพยอดเขามัจฉาปูชเรสะท้อนพื้นน้ำในวันฟ้าเปิด โดยที่เกาะกลางทะเลสาปคือสถานที่ตังของวัดบาลาฮี : Barahi Temple วัดศักดิ์ของเมืองโพครา

"ตามแผนเลือกจะมาตอนเย็นเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ แต่ฟ้าปิดมาหลายวันแล้ว"  

ล่องเรือชมบรรยากาศไปเรื่อยๆ ก็มาถึงวัดกลางทะเลสาป

วัดบาลาฮี : Barahi Temple

"วัดที่มีเทพธิดาอจิมา เทพธิดาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเมืองโพครา 

ทุกวันเสาร์จะมีการบูชายัญสัตว์แด่เทพธิดาด้วย"

วัดบาลาฮี : Barahi Temple

     เมื่อฟ้าเริ่มมืดไกด์แดนจึงนำเรากลับที่พัก ซึ่งสามารถใช้เวลานี้เลือกซื้อเสื้อกันหนาวขนเป็ดซักตัวที่นี่ได้ แต่เราเลือกที่จะเข้าที่พักเลย เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเทรคกิ้งในเช้าวันต่อมา และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เราต้องผจญกับความหนาวเย็นบนเขาอยู่หลายคืน
     

"วัวที่เดินอย่างสบายใจอยู่กลางถนน"

ถนนหนทางในเมืองโพครา

ถนนหนทางในเมืองโพครา

จบอีกวันกับ
เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D3

วันต่อมาจะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันต่อที่
เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D4

เรื่องราวทั้งหมดในทริปนี้

อ่านต่อ

เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D2

วัดปศุปฏินาถ(Pashupatinath Temple)  / เจดีย์โพธินาถ (Bhoudanath Stupa)  / เมืองปะฏัน ปาตัน หรือเมืองปาทาน (Patan) 
สวะยัมภูนาถ สยมภูนาถ หรือวัดลิง (Swayambhunath) 

ทัวร์เมืองกาฐมาณฑุ

วันนี้ เป็นวันที่สองของการท่องเที่ยวในเนปาล 

โดยในวันแรกเราได้ชมเมืองภัคตาปูร์ และเข้าพักที่นาการ์ก๊อต >>> 
เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D1

อันนี้คือแผนท่องเที่ยวและค่าใช้จ่าย >>> 
เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น เตรียมตัวอย่างไร

แผนท่องเที่ยวของ เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D2

เราจะเขียนไว้ด้านบนสุด ซึ่งสามารถคลิกเพื่อเลื่อนลงไปดูตามจุดที่สนใจได้

     วันนี้เราเช็คเอาท์แต่เช้า และลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมาพบกับคุณลุงที่มารอเราตามเวลานัด จัดแจงข้าวของขึ้นรถเสร็จ จึงพากันลงเขา เพื่อมุ่งไปยังเมืองกาฐมาณฑุ

เมืองกาฐมาณฑุ คือเมืองหลวงของประเทศเนปาล ตั้งอยู่ที่ความสูง 1,336 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล กาฐมาณฑุถือเป็นสถานที่รวบรวมมรดกทางวัฒนธรรมของเนปาล เนื่องจากหุบเขาแห่งนี้เป็นแหล่งวัฒนธรรมเนวารีโบราณ 

     ชนเผ่าเนวาร์อาศัยอยู่ที่หุบเขาแห่งนี้ได้สร้างอารยธรรมที่สำคัญขึ้นบน 3 เมือง ซึ่งได้แก่ กรุงกาฐมาณฑุ(Kathmandu) ปาฏัน(Patan) และภักตาปูร์(Bhaktapur) 

     ความสำเร็จทางด้านศิลปะของชาวเนวาร์ ได้แก่ วัดและปราสาทที่สร้างขึ้นด้วยฝีมืออันประณีต ฝีมือแกะรูปสลักหินและโลหะที่ละเอียดอ่อน เสาไม้แกะสลัก และโบสถ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์

     การทัวร์เมืองกาฐมาณฑุวันนี้ อากาศเย็นสบายใส่ผ้าพันคอพออุ่น ภาพบรรยากาศตรงตามที่เคยอ่าน จากคนที่เคยมาที่นี่เขียนเล่าไว้ทุกอย่าง ทั้งเรื่องการขับรถที่ดูไม่เป็นระเบียบ เสียงแตรดังระงมตลอดเวลาราวกับว่าคนขับรถเข้าใจกันเองได้จากเสียงแตร การถ่มน้ำลายที่เราได้เห็นบ้าง แต่วัวบนถนนนี้มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ มันช่างอเมซิ่งจริงๆ 555

     นอกจากนี้ ยังมองเห็นวัฒนธรรม พิธีกรรม และจิตวิญญาณ ที่ยังคงไว้อย่างเหนียวแน่น 
คำว่า"พิพิธภัณฑ์มีชีวิต"จึงไม่มากเกินไปสำหรับสถานที่แห่งนี้

พูดมาเยอะแล้ว จะเป็นยังไงบ้าง ไปเที่ยวกัน >>>

"เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยอากาศดีๆ พร้อมมื้อเช้าเซ็ตใหญ่ที่เลือกได้ตามใจ

แต่ในรูปมีแต่โต๊ะเปล่าๆนะ ยังไม่มาเสิร์ฟ555"

ภาพจากที่พักบนเขานาการ์ก๊อต

"เมื่อเช็คเอาท์แล้ว คุณลุงจึงพาขับรถลงเขาเพื่อมุ่งสู่วัดปศุปฏินาถ"

บรรยากาศริมทาง

เมื่อเข้าสู่ตัวเมืองกาฐมาณฑุ บรรยากาศจึงเริ่มคึกคักขึ้น

 "ร้านผลไม้แบบนี้มีให้เห็นอยู่ทั่วไป ราคามักจะแพงสำหรับนักท่องเที่ยว แนะนำให้ไกด์ซื้อมาให้จะถูกกว่า"

ร้านผลไม้ในเมืองกาฐมาณฑุ

     เมื่อไปถึงวัดปศุปฏินาถแล้ว คุณลุงก็บอกจุดนัดพบเช่นเคย ก่อนที่เราจะเดินดุ่มๆมาที่วัด
     บริเวณด้านหน้าวัดศุปฏินาถ คละคลุ้งไปด้วยความความโศกเศร้า  เนื่องจากแม่น้ำพัคมาตีที่ไหลผ่านวัด ถือเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของฮินดู จึงเป็นสถานที่ที่ผู้คนนำร่างของผู้เสียชีวิตมาเผาตรงริมน้ำและทิ้งกระดูกลงน้ำไป 
     หลายคนเลือกที่จะถ่ายรูปพิธีการนี้ แต่เราขอเก็บภาพมุมไกลๆไว้ พอให้ปลงอนิจจัง แต่ถ้าไปอยู่ตรงนั้นจริงๆจะเห็นได้ชัดเจนนะคะ
     วัดนี้ดูจะเป็นสถานที่พำนักของฤาษีด้วย จึงจะเห็นฤาษีหลายตน นั่งกรรมฐาน บ้างก็นั่งพักผ่อน บ้างก็เล่นดนตรี  บ้างก็เปลี่ยนผ้าอยู่....ยังจะแอบเห็นอีก 555

นอกจากนี้ยังมีทั้งลิง และฝูงวัวเดินอย่างอิสระ อยู่ทั่วสถานที่แห่งนี้ด้วย

วัดปศุปฏินาถ(Pashupatinath Temple)

วัดปศุปฏินาถ (Pashupatinath Temple) คือศาสนสถานของฮินดู ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันออกประมาณ 5 กิโลเมตร ตัววัดสร้างขึ้นมาในสมัยกษัตริย์แห่งราชวงศ์มลละ เพื่อถวายแด่พระศิวะในภาคขององค์ปศุปฏินาถ................................................................................................................................................................................... วัดปศุปฏินาถ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำพัคมาตี (Bagmati River) ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์เปรียบเทียบเสมือนแม่น้ำคงคาแห่งเมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย เพราะแม่น้ำสายนี้จะไหลไปรวมกับแม่น้ำคงคานั้นเอง อีกทั้งที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางของการแสวงบุญประจำปีของชาวฮินดู “มหาศิวะราตรี”.................................................................................................................................................................................วัดปศุปฏินาถ (Pashupatinath Temple) มีหลังคาทำด้วยทองซ้อนกัน 2 ชั้น และประตูเงิน ซึ่งถือว่าเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดวัดหนึ่งในศาสนาฮินดูของเนปาล ถึงแม้ผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูเท่านั้นจึงมีสิทธิเข้าไปภายในวัดแห่งนี้ แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมตัววัดและดูกิจกรรมที่มีขึ้นภายในอาณาเขตของวัดได้ชัดเจนจากบนฝั่งด้านตะวันออกของแม่น้ำพัคมาตี โดยที่องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนวัดแห่งนี้เป็นมรดกโลกแล้วในปีพ.ศ. 2522

"อันนี้เป็นภาพสไลด์ 10ภาพ อย่าเพิ่งเลื่อนผ่านน๊า"

"ภาพน่ารักๆ ก่อนจะเดินทางต่อไป "

ลิงแม่ลูกที่วัดปศุปฏินาถ

     เมื่อมาพบคุณลุงที่จุดนัดแล้ว คุณลุงจึงนำเราไปยังจุดหมายถัดไป คือเจดีย์โพธินาถ หรือพุทธนาถ

"ถนนหนทางในเมืองกาฐมาณฑุ ที่มีสีสัน"

ถนนในเมืองกาฐมาณฑุ

      "เจดีย์โพธินาถ หรือพุทธนาถ" เป็นสถานที่ที่เราจะพบเจอคนฑิเบตอยู่มากกว่าที่อื่น เพราะเป็นแหล่งชุมชนชาวพุทธมหายานจากฑิเบตนั่นเอง

      ศรัทธาแรงกล้าที่มีต่อองค์พระพุทธเจ้ายังคงมีอยู่ที่นี่ เราได้เห็นการสวดภาวนาอย่างแน่วแน่ของชาวฑิเบต เสียงกงล้อมนต์หรือกงล้ออธิษฐานที่แกว่งวนจนดูเหมือนว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด 

     ด้วยบรรยากาศเหล่านี้ ทำให้เราซื้อกงล้ออธิษฐานกลับมาบ้านโดยไม่รู้ตัว 555

เจดีย์โพธินาถ (Bhoudanath Stupa)

โพธินาถ หรือพุทธนาถ (Boudhanath) คือเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเนปาล และเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ Nepal ตั้งอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันออกประมาณ 8 กิโลเมตร บนเจดีย์มีดวงตาเห็นธรรมของพระพุทธเจ้า (Wisdom Eyes) ทั้งสี่ทิศ บริเวณวัดเป็นแหล่งชุมชนของชาวพุทธมหายานจากทิเบตที่อพยพเข้ามาในปี พ.ศ. 2502 จึงจะเห็นพระทิเบตและคนทั่วไปยืนแกว่งล้อมนต์พร้อมกับสวดมนต์อยู่ทั่วไป องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนสถานที่แห่งนี้เป็นมรดกโลกในปีพ.ศ.2522 ...........................................................................................................................................................................................รอบๆเจดีย์จะเป็นร้านขายสินค้าที่ระลึก มีสินค้าให้เลือกมากมาย วัฒนธรรมของที่นี่จะมีการผสมกับวัฒนธรรมทิเบตอย่างลงตัว สังเกตได้จากสิ่งก่อสร้างหลายๆอย่าง

"เจดีย์โพธินาถ สถานที่ที่มีกงล้อภาวนาล้อมรอบ"

เจดีย์โพธินาถ เมืองกาฐมาณฑุ เนปาล

     หลังจากที่เดินวนรอบเจดีย์ 3รอบพอเป็นพิธีแล้ว คุณลุงเลือกที่จะนำทางไปสถานที่ที่อยู่ไกลที่สุดก่อน ซึ่งก็คือ"เมืองปาตัน"

     เมื่อเข้าสู่เมืองปาตัน จะเห็นผู้คนมากมาย นักท่องเที่ยวที่เดินทอดน่องชื่นชมความสวยงามของสถาปัตยกรรม คนท้องถิ่นที่นั่งเรียงรายพูดคุยกันดูผ่อนคลาย  สินค้าหัตกรรมที่วางขายดูน่าสนใจ 

     "เมืองปาตัน" เมืองที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างขึ้น ถือเป็นเมืองคู่แฝดของกรุงกาฐมาณฑุ  คือเมืองที่สวยที่สุดในความคิดของเราเอง ด้วยสถาปัตยกรรม สิ่งปลูกสร้างและถนนหนทางที่จัดวางไว้อย่างลงตัว  

     เมื่อเดินเท้าเข้าสู่"เมืองปาตัน" เรารู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าสู่ห้วงกาลเวลาแห่งอดีต สิ่งปลูกสร้างที่ตั้งตระหง่าน ทำให้นึกถึงความรุ่งเรืองจนถึงขีดสุดในสมัยนั้น 

เมืองปะฏัน ปาตัน หรือเมืองปาทาน (Patan)

เมืองปะฏัน หรือเมืองปาทาน (Patan) เมืองมรดกโลก เมืองโบราณที่ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำบัคมาตี อยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 5กิโลเมตร สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชช่วงศตวรรษที่3......................................................................................................................................................................................เมืองปาตัน ได้ชื่อว่าเป็นเมืองฝาแฝดของกรุงกาฐมาณฑุ ถูกขนานนามว่า"เมืองแห่งความงาม" (City of Beauty) และยังเป็นเมืองที่รู้จักกันในนามของเมืองแห่งศิลปะอีกด้วย ...........................................................................................................................................................................................เมืองปาตัน นับเป็นนครโบราณที่ยังมีชีวิต ภายในเมืองเต็มไปด้วยวัดทางศาสนาฮินดู และสิ่งปลูกสร้างในพุทธศาสนา สืบเนื่องจากความหลากหลายของวัฒนธรรมในยุคกลาง ทำให้ทั้งศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธเฟื่องฟู้มากในแถบนี้........................................................................................................................................................................................เมืองปาทาน นับเป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมและการวางผังเมืองชิ้นเอกแบบเนวารี มีถนนโบราณตัดแบ่งเมืองออกเป็น 4ส่วน โดยมีจัสตุรัสปาตันดูร์บาร์และพระราชวังปาตันเป็นศูนย์กลาง

"ภาพถ่ายในบางมุมของเมืองปาตันที่คัดมา 17ภาพ"

จาก"เมืองปาตัน" คราวนี้จะย้อนกลับไปที่"วัดลิง"ซึ่งอยู่ใกล้เมืองกาฐมาณฑุอีกครั้ง

"ระหว่างทางเห็นตลาดสด จึงเก็บภาพไว้"

ตลาดสดในเนปาล

สวะยัมภูนาถ สยมภูนาถ หรือวัดลิง (Swayambhunath)

สวะยัมภูนาถ สยมภูนาถ หรือวัดลิง (Swayambhunath) เป็นเจดีย์ของชาวพุทธ (Buddhist Chityas) ที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่บนยอดเขาห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทงทิศตะวันตก 3กิโลเมตร ว่ากันว่าน่าจะมีอายุถึง 2,000ปี โดยถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ามานะเทวะ ปีพ.ศ.936.......................................................................................................................................................................... จุดสนใจอยู่ที่ฐานของสถูปที่มีดวงตาเห็นธรรม หรือ Wisdom Eyes ของพระพุทธเจ้าทั้ง 4ด้าน ตัวสถูปตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆสูงประมาณ 77เมตร เหนือระดับน้ำทะเลในหุบเขากาฐมาณฑุ จึงทำให้ที่นี่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ...................................................................................................................................................................................... สถูปแห่งนี้เป็นสถูปที่เก่าแก่ที่สุดของเนปาล ทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีการผสมผสานระหว่างศาสนาพุทธและฮินดู โดยองค์การยูเนสโกได้ทำการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ.2522

"สถูปชาวพุทธบนเนินเขา "

บรรยากาศภายในวัดลิง

     การเที่ยวชมเมืองในวันนี้ จะจบที่วัดลิงเป็นที่สุดท้าย เนื่องจากต้องใช้เวลาที่เหลือไปกับการเดินหาอุปกรณ์เทรคกิ้ง

     เมื่อสิ้นสุดการชมเมือง คุณลุงนำเราเข้าเช็คอินที่พักในย่านทาเมล ซึ่งไกด์ทั้ง 2พ่อลูกได้รอเราอยู่ที่นั่นแล้ว 

     เราได้เคลียร์ค่าใช้จ่ายที่เหลือทั้งหมดให้ไกด์แดนตามที่ตกลงกันไว้ และ ไกด์แดนจะบอกแผนของวันพรุ่งนี้อย่างละเอียด

     จากนั้น ไกด์ปาซัง จึงนำทางไปที่ย่านทาเมลเพื่อจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆสำหรับการเทรคกิ้ง และทิ้งอุปกรณ์ไว้กับไกด์ โดยไกด์จะจัดกากรนำอุปกรณ์ทั้งหมดเดินทางไปที่โพคราให้เอง

     เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ จึงแวะทางมื้อเย็นที่ร้านอาหารไทยก่อนกลับเข้าที่พัก .

     หรือบางคนอาจจะเลือกเดินช็อปปิ้งหรือเที่ยวผับต่อก็ทำได้

     

     ย่านทาเมล เป็นย่านที่วุ่นวายเป็นที่สุด ถามว่าประตูน้ำบ้านเราก็คนเยอะนะ แต่ถ้าเรื่องความวุ่นวายนี่ย่านทาเมลชนะขาด ไม่ว่าจะด้วยคน รถรา ความไม่คุ้นเคย หรือด้วยทุกๆอย่างก็ตามแต่

     "เนื่องจากภาพถ่ายของวันนี้ขาดหายไป จึงนำภาพของวันที่กลับจากโพครา มาแปะให้ได้เห็นบรรยากาศ"

    

     

จบอีกหนึ่งวันวุ่นๆกับ 

เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D2

วันต่อมาจะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันต่อที่ 

เที่ยวเนปาล-เทรคกิ้งพูนฮิลล์ เดินช้าๆไปกับไกด์ท้องถิ่น.D3

 เรื่องราวทั้งหมดในทริปนี้

อ่านต่อ